Maria Madeira is one of Timor-Leste’s most significant contemporary visual artists with an internationally regarded practice deeply embedded in Timor-Leste traditions, concerns and histories. She is based in Timor-Leste’s capital, Dili and Perth, Australia, where she migrated with her family in 1983 following seven years in a refugee camp in Portugal. A prominent figure in Timor-Leste’s recovery since it achieved independence twenty-five years ago, Madeira has recently been artist-in-residence at Dili’s Fundação Oriente.
Madeira was born in the village of Gleno in the Ermera region of Timor-Leste. The Indonesian régime invaded in 1975 , and her family was evacuated to Portugal the following year. She spent most of the following seven years in a refugee camp run by the Red Cross on the outskirts of Lisbon and migrated with her family to Australia in 1983.
Over the years, she obtained several academic qualifications. She graduated with a B.A. Fine Arts (Visual Arts) Degree from Curtin University, Perth in 1991. Two years later she received a Graduate Diploma of Education (Major in Art) from the same university. In 1996, she obtained her second degree, a B.A. in Political Science from Murdoch University. In 2019, she completed a Doctorate of Philosophy in Art from Curtin University.
Between 1996 and 2000, she worked in Western Australia as a high school art teacher, visual artist and cultural advisor for several arts and cultural organisations. Between 2000-2004, she returned to Timor-Leste to contribute to the recovery, rebuilding and redevelopment of Timor-Leste, the newest nation in Asia.
Selected solo exhibitions include Flowery Talk, Fundação Oriente, Dili, Timor-Leste, 2023-24; Mana Maria, Chiang Mai University, Thailand 2022; A Place in the Sun, Fundação Oriente, Dili, Timor-Leste, 2022 ; Timor-Leste: An Artistic Perspective, University of Colorado, 2019; Ina Lou (Dear Mother Earth), Galeri Cipta II, Jakarta, 2014 ; Familiar Steps, Festival da Lusofonia, Macau, 2011 and Silent Voices, Cannery Arts Centre, Esperance, Western Australia, 2007.
Selected group exhibitions include Biennale Jogja XVI Equator #6, Yogyakarta National Museum, Indonesia, 2021; ARTFEM: Women artists 2nd International Biennial of Macau, Natura Albergue SCM, Macau, 2020; Elastic (Borracha) Mobile Residency, Chan Contemporary Art Space, Northern Centre for Contemporary Art and Cross Art Projects, Darwin Australia, 2014; Arte Lusofona Contemporanea, Galeria Marta Traba, São Paulo, Brazil, 2011 and Picturing the Sea, Lawrence Wilson Art Gallery, University of Western Australia, 2006.
มาเรีย มาเดราเป็นหนึ่งในศิลปินติมอร์-เลสเตที่ทำงานด้านทัศนศิลป์ที่สำคัญที่สุด ผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมีรากฐานมาจากขนบประเพณี ปัญหาและประวัติศาสตร์ของประเทศติมอร์-เลสเต มาเดราพำนักและทำงานอยู่ที่กรุงดิลี เมืองหลวงของประเทศติมอร์-เลสเตและนครเพิร์ท ประเทศออสเตรเลียที่เธอย้ายถิ่นฐานไปกับครอบครัวเมื่อปี พ.ศ. 2526 หลังจากที่อยู่ในค่ายผู้อพยพที่ประเทศโปรตุเกสนานเจ็ดปี มาเดราเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในการฟื้นฟูประเทศติมอร์-เลสเตหลังได้รับอิสรภาพเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ผ่านมานี้เธอเป็นศิลปินในพำนักที่ศูนย์วัฒนธรรมฟุนดาเซาโอริออนท์ กรุงดิลี
มาเดราเกิดที่หมู่บ้านเกลอโนในเขตเอร์เมราของประเทศติมอร์-เลสเต รัฐบาลทหารอินโดนีเซียเข้ารุกรานเมื่อปี พ.ศ. 2518 และครอบครัวของเธอก็ต้องย้ายถิ่นฐานไปประเทศโปรตุเกสในปีต่อมา เธอใช้เวลาเจ็ดปีต่อมาเกือบทั้งหมดในค่ายผู้อพยพของกาชาดชานกรุงลิสบอนและย้ายถิ่นฐานพร้อมครอบครัวมายังประเทศออสเตรเลียเมื่อปี พ.ศ. 2526
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอได้วุฒิการศึกษาหลายวุฒิ เธอได้รับปริญญาศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต(สาขาทัศนศิลป์) จากมหาวิทยาลัยเคอร์ทิน นครเพิร์ทเมื่อปี พ.ศ. 2534 สองปีต่อมาได้รับประกาศนียบัตรบัณฑิตสาขาครุศาสตร์ (วิชาเอกศิลปะ) จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมื่อปี พ.ศ. 2539 จบปริญญาตรีใบที่สอง รัฐศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อคและเมื่อปี พ.ศ.2562 เธอสำเร็จการศึกษาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเคอร์ทิน
ระหว่างปี พ.ศ. 2539-2543 มาเดราทำงานในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนมัธยมปลาย ศิลปินด้านทัศนศิลป์และที่ปรึกษาทางวัฒนธรรมให้องค์กรศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. 2543-2547 เธอกลับไปยังประเทศติมอร์-เลสเตเพื่อร่วมฟื้นฟู บูรณะและพัฒนาติมอร์-เลสเต ประเทศใหม่ที่สุดในทวีปเอเชีย
นิทรรศการเดี่ยวคัดสรรได้แก่ Flowery Talk (ฟุนดาเซาโอริออนท์, ดิลี, ติมอร์-เลสเต, พ.ศ. 2566-2567) Mana Maria (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, พ.ศ. 2022) A Place in the Sun (ฟุนดาเซาโอริออนท์, ดิลี, ติมอร์-เลสเต, พ.ศ. 2565) Timor-Leste: An Artistic Perspective (มหาวิทยาลัยโคโลราโด, พ.ศ. 2019) Ina Lou (Dear Mother Earth) (หอศิลป์ชิปตา II,จาการ์ตา, พ.ศ. 2557); Familiar Steps (เทศกาลลูโซโฟเนีย, มาเก๊า, พ.ศ. 2554) และ Silent Voices (ศูนย์ศิลปะแคนเนอรี, เอสเพอรันส์, เวสเทิร์นออสเตรเลีย, พ.ศ. 2550)
นิทรรศการกลุ่มคัดสรรได้แก่ ยกยกเบียนนาเล่ครั้งที่ 16 “Equator #6” (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอินโดนีเซียยกยาการ์ตา, พ.ศ. 2564) อาร์ตเฟ็ม: ไบเอนเนียลศิลปินหญิงนานาชาติมาเก๊าครั้งที่ 2 “Natura” (ศูนย์ศิลปะอัลแบร์กดาซานตาคาซามิเซริกอร์เดีย, มาเก๊า, พ.ศ. 2563) Elastic (Borracha) Mobile Residency, (ชานคอนเท็มโพรารีอาร์ตสเปซ, ศูนย์ศิลปะร่วมสมัยนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีและครอสส์อาร์ตส์โพรเจ็คทส์, ดาร์วิน, ออสเตรเลีย, พ.ศ. 2557) Arte Lusofona Contemporanea (หอศิลป์มาร์ทา ทราบา, เซาเปาโล, บราซิล, พ.ศ. 2554) และ Picturing the Sea (หอศิลป์ลอเรนซ์ วิลสัน, มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย, พ.ศ. 2549)